เราขอเรียกร้องให้กลุ่ม องค์กร และขบวนการต่างๆ ลงนามในแถลงการณ์นี้เพื่อหยุดยั้งโครงการป่าเขตร้อนถาวร (TFFF) โครงการริเริ่มใหม่นี้ ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในการประชุมสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติในเดือนพฤศจิกายนที่ประเทศบราซิล ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เงินทุนสนับสนุนการอนุรักษ์ป่าไม้
TFFF อ้างว่าเป็น "ความหวังใหม่" สำหรับป่าเขตร้อนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัจจัยที่ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า แต่เพื่อประโยชน์ของนักลงทุนในตลาดการเงินที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าอย่างแท้จริง
โครงการริเริ่มใหม่นี้ซึ่งขับเคลื่อนโดยตลาดทุนนี้ ไม่ได้มุ่งปกป้องป่าไม้และชุมชน แต่กลับส่งเสริมมุมมองโลกแบบทุนนิยม เหยียดเชื้อชาติ ล่าอาณานิคม และชายเป็นใหญ่ ซึ่งยิ่งทำให้วิกฤตและความอยุติธรรมต่างๆ ในปัจจุบันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
จดหมายเปิดผนึก แถลงการณ์ภาคประชาชน:
ช่วยกันหยุด ทีเอฟเอฟเอฟ TFFF ; Tropical Forest Forever Facility (โครงการสนับสนุนเพื่อให้ป่าฝนคงอยู่ตลอดไป) ตั้งแต่ตอนนี้ !
ที่ประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในหลายครั้ง กลายเป็นงานมหรสพในการเปิดตัวอย่างเอิกเริกของโครงการริเริ่มด้านการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักลงเอยกลายเป็นแนวทางที่ล้มเหลว หรือผิดแผกไปจากสิ่งที่ความคิดริเริ่มเหล่านั้นให้สัจจะเอาไว้ เช่นเดียวกัน ในที่ประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ที่กำลังจะมาถึงในเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 2025 นี้ที่เมืองปากแม่น้ำอะเมซอน กรุงเบเล็ง (Belém) ประเทศบราซิล มีโครงการชื่อว่า ‘โครงการสนับสนุนเพื่อให้ป่าฝนคงอยู่ตลอดไป’ หรือ Tropical Forest Forever Facility เรียกอย่างย่อว่าโครงการ ‘ทีเอฟเอฟเอฟ’ (TFFF) ที่มีข่าวลือว่าตัวโครงการนี้จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในวาระของการประชุม ขณะที่กลไกหลักสำคัญของข้อเสนอในโครงการนี้อยู่ที่กองทุนเพื่อการลงทุนในพื้นที่ป่าฝนเขตร้อน (Tropical Forest Investment Fund) หรือทีฟิฟ (TFIF)
โดยโครงสร้างหลักของโครงการ TFFF นี้คือการเปิดช่องการลงทุนจากเงินที่จะนำมาจากตลาดการเงินสากล มูลค่ากว่า 125 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้กองทุน TFIF สามารถแสวงหาผลประโยชน์จากเงินลงทุนดังกล่าวได้ราวปีละ 3.75 ถึง 4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ซึ่งผลประโยชน์รายได้บางส่วนจากกลไกดังกล่าวนี้จะถูกส่งไปยังตัวโครงการ TFFF เพื่อแจกจ่ายให้กับบรรดารัฐในประเทศซีกโลกใต้ ที่มีพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนอยู่ในขอบข่ายอธิปไตยของตน
กลไกในกองทุน TFIF จะไม่ใช้แนวทางที่มีอยู่ของตลาดค้าคาร์บอน หรือการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting) เพื่อหาเงินทุน โดยสิ่งที่โครงการ TFFF ต้องการ คือการกระจายตัวลงไปยังประเทศต่าง ๆ ที่มีพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนอยู่แล้วเพื่อนำพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนเหล่านั้นเข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ในเอกสารโครงการ TFFF ยังระบุว่าบรรดาประเทศที่เข้าร่วมโครงการจะต้องปันสัดส่วนร้อยละ 20 ของเงินที่ได้จากโครงการ TFFF นี้ไปสู่ชุมชนชนพื้นเมือง และชุมชนท้องถิ่นที่มีการพึ่งพิงทรัพยากรป่าไม้ด้วย ซึ่งทำให้แนวคิดนี้ได้รับการสรรเสริญเยินยอเป็นอย่างมาก จากบรรดารัฐบาล ธนาคาร รวมถึงองค์กรเพื่อการอนุรักษ์ที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของคำโปรยโฆษณาขายฝันเหล่านี้ คือ แนวทางที่นำไปสู่การกรุยทางให้เหล่านักลงทุนแสวงหาผลประโยชน์มากขึ้นจากความเปราะบาง และชีวิตของผู้คนในประเทศแถบซีกโลกใต้ที่ถูกทำให้ประสบปัญหา หรือจมอยู่ในกองหนี้สาธารณะที่กู้ยืมโดยไม่เป็นธรรมทั้งสิ้น
สิ่งที่แฝงเร้นอยู่ในการออกแบบกลไกดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงหลักคิดแบบจักรวรรดินิยม ด้วยเหตุผลดังนี้ :
- โครงการ TFFF นี้เป็นเพียงแข้งขาให้กับกลไกหลักนั่นคือ แนวทางการเงินของกองทุนเพื่อการลงทุนในพื้นที่ป่าฝนเขตร้อน (TFIF) ซึ่งกองทุน TFIF นี้เป็นอีกหนึ่งกลไกที่อยู่ภายใต้ธนาคารโลก (World Bank) ที่ถูกกำหนดโดยนักเศรษฐศาสตร์ หรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่รับเงินเดือนมหาศาล ที่มาจากและทำงานให้บรรดาประเทศในซีกโลกเหนือ (the global North) ซึ่งนั่นทำให้บรรดารัฐบาลในประเทศซีกโลกใต้ ที่มีป่าฝนเขตร้อนอยู่แทบไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ หรือกำหนดทิศทางสำคัญใดใดในกองทุน TFIF
- กองทุน TFIF วางแผนที่จะยืมเงินจำนวน 125 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการขายพันธบัตรให้กับเหล่าบรรษัทจากภาคธุรกิจและรัฐบาลในประเทศที่ร่ำรวย หลังจากนั้นตัวกองทุน ฯ จะนำเงินจำนวนนี้ไปทำการ ‘ให้กู้’ กับบรรดาประเทศในซีกโลกใต้ ที่ต้องการเงินเพื่อนำไปจ่ายหนี้สาธารณะ หรือลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างวิสาหกิจทางพลังงาน การขุดเหมือง ธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร หรือกระทั่งพัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรม ความหวังก็คือ TFIF จะได้รับดอกเบี้ยรายปีจากการลงทุนเหล่านี้มากกว่าที่ต้องจ่ายคืนเงินกู้ และส่วนหนึ่งของกำไรจะถูกนำไปใช้เพื่อการอนุรักษ์ป่าไม้
- ป่าไม้และชุมชนที่พึ่งพิงป่าเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับส่วนแบ่งกำไรที่คาดหวังไว้ กำไรใด ๆ ที่กองทุน TFIF สร้างขึ้นจะถูกนำไปใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมการจัดการให้แก่ธนาคารที่ดูแลกองทุน รวมถึงผู้จัดการทางการเงินและที่ปรึกษาของธนาคารเหล่านั้นก่อน จากนั้นจึงนำไปจ่ายให้แก่นักลงทุนเอกชนรายใหญ่ "ระดับอาวุโส" และนักลงทุน "รายย่อย" (รัฐบาลซีกโลกเหนือและมูลนิธิเอกชน) หากยังมีเงินเหลืออยู่ รัฐบาลของประเทศที่มีป่าเขตร้อนสามารถยื่นขอเงินผลประโยชน์ปันส่วนเป็นจำนวน 4 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อพื้นที่ป่าฝน 1 เฮกตาร์ ที่เข้าร่วมกับโครงการ TFFF ภายหลังจากที่พื้นที่ป่าเหล่านั้นได้ผ่านการตรวจนับแล้วว่าเป็นพื้นที่ที่ปราศจากการบุกรุกเพิ่มหรือการทำให้ป่าเสื่อมโทรมลง (Deforestation test)
- บรรดารัฐบาลที่ได้รับเงินจากโครงการ TFFF จะต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดในเรื่องของการปันส่วนร้อยละ 20 ของเงินที่ได้รับจากโครงการไปให้กับชุมชนชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นที่พึ่งพิงป่า ในฐานะการตอบแทนต่อชุมชนที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาป่าตรงนั้น แต่การจ่ายเงินปันส่วนนี้ให้กับชุมชนจะไม่ถูกดำเนินการโดยตัวโครงการ ฯ แต่จะถูกมอบให้เป็นหน้าที่และดุลยพินิจของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น ๆ
- บรรดานักลงทุนที่ซื้อพันธบัตรกับกองทุน TFIF รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการให้กู้หนี้ยืมสินของกองทุน TFIF นั้นมีความอย่างเชื่อมโยงกันทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อการทำให้ป่ามีความเสื่อมโทรมมากขึ้น หรือกระทั่งเป็นเหตุของการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนหลายกรณี หรืออีกนัยหนึ่งนั่นคือ เงินจากโครงการ TFFF ที่จ่ายให้รัฐบาลในประเทศซีกโลกใต้ที่มีป่าฝนเขตร้อนนั้นมีขึ้นมาเพียงเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์อย่างฉาบฉวยบนการทำลายล้างระบบนิเวศในป่าฝนเขตร้อนนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นสถาบันทางการเงินอย่างธนาคารโลก ด้วยความที่เป็นสถาบันจัดการหลักในเรื่องการเงินของโครงการ ฯ ก็ทำให้พวกเขามีอำนาจตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในกิจกรรมรายวันของกองทุน ฯ ซึ่งธนาคารโลกนั้นในอดีตมีประวัติของการสนับสนุนให้เกิดการทำลายป่าไม้อย่างมาก ทั้งโครงการทางการเงินและการลงทุนของพวกเขาเอง ที่นำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชุมชนท้องถิ่น หรือโครงการที่นำไปสู่การออกกฏหมายหรือแนวนโยบายที่ไปแช่แข็งปัญหา หรือทำให้สถานการณ์วิกฤติหนี้สินสาธารณะของประเทศในแถบซีกโลกใต้ย่ำแย่ลง
สิ่งที่โครงการ TFFF อ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ และแก้ไขปัญหาการลดลงของป่าฝนเขตร้อนนั้นเป็นเพียงลมปาก โครงการในรูปของกลไกการตลาดดังเช่นหลายครั้งที่ผ่านมาถูกจัดการโดยนักการธนาคารในห้องแอร์ หรือตัวแสดงอื่น ๆ ในประเทศซีกโลกเหนือ เพื่อต้องการแสดงบทบาทปกป้องป่าไม้ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้นำไปสู่การหยุดยั้งการทำลายป่า อีกทั้งไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกว่าทั้งโครงการ TFFF หรือกองทุน TFIF มีความแตกต่างจากแนวทางอื่น ๆ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ที่แย่ไปกว่านั้น คือโครงการ TFFF มีเพียงแต่จะทำให้บรรดานักลงทุนเงินหนาที่แสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรส่วนรวมหรือเป็นต้นตอของการที่ป่าถูกทำลายอยู่แล้ว มีภาพเสมือนว่าพวกเขาคือผู้ปกป้องป่าเสียเอง
ดังนั้นแล้ว ข้อสรุปในแนวทางของเราจึงมีความจัดเจน ดังนี้:
- โครงการ TFFF นั้นเป็นเพียงกับดักอีกอันหนึ่ง ที่จะไม่นำไปสู่การหยุดยั้งการที่พื้นที่ป่าถูกทำลาย
- โครงการ TFFF นั้นคือแผนของลัทธิจักรวรรดินิยม ของตัวแสดง และชนชั้นนำในแถบซึกโลกเหนือที่มีขึ้นเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง ที่จะทำให้คนที่รวยอยู่แล้วมีแต่จะร่ำรวยขึ้นจากการสูบกินความมั่งคั่งจากผู้คนในแถบซีกโลกใต้ โดยที่แนวทางหรือความคิดริเริ่มเช่นในโครงการนี้ มักจะจบลงด้วยการทำให้ฐานที่มั่นของบรรดานายทุน นักทุนนิยม ที่ปฎิบัติการบนความคิด และการชักนำวิธีการมองโลกแบบจักรวรรดินิยม และปิตาธิปไตย มีความเข้มแข็งขึ้น ทำให้รากเหง้าของปัญหา ทั้งการเหยียดเชื้อชาติ หรือความอยุติธรรมต่าง ๆ มีแต่จะหยั่งรากลึกลงไป และทำให้วิกฤติการณ์อันพัลวันนานาประการที่เกิดขึ้นในโลกโดยน้ำมือมนุษย์นั้นมีแต่จะแย่ลง
- ถึงเวลาสำคัญแล้วที่เราจะลุกขึ้นมาพูด และชี้ถึงรากเหง้าของปัญหาที่นำไปสู่การเสื่อมถอยของทรัพยากรธรรมชาติ และป่าไม้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจและการค้าที่ไม่เป็นธรรม การแย่งยึดที่ดินโดยบรรดาบรรษัทเกษตรอุตสาหกรรมข้ามชาติ และการขยายตัวของธุรกิจอุตสาหกรรมการทำเหมือง หรือ ‘อุตสาหกรรมแห่งการถลุงทรัพยากร’ อื่น ๆ
จุดยืนของเครือข่ายภาคประชาชนนั้นชัดเจนคือ การยืนหยัดต่อสู้และต่อต้านโครงการขนานใหญ่ที่จะทำลายทั้งป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ และนำไปสู่การทำให้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งโครงการ TFFF ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะเข้ามาสั่นคลอนความสมานฉันท์เป็นปึกแผ่น (Solidarity) ของเราพี่น้องประชาชนและชุมชนที่ต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินมาตุภูมิมาช้านาน และทำให้ชีวิตของคนในชุมชนของเราตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงอันตราย
ด้วยเหตุผลทั้งปวงข้างต้น เราจึงปฎิเสธ ทีเอฟเอฟเอฟ TFFF !
หยุด TFFF ตั้งแต่ตอนนี้ !
20 ตุลาคม 2025
ภาคีร่วมลงนาม :
World Rainforest Movement ขบวนการป่าฝนโลก
School of Democratic Economics (Indonesia)
Acción Ecológica (Ecuador)
The Corner House (United Kingdom)
Struggle to Economize the Future Environment (Cameroon)
Project SEVANA South-East Asia (Thailand) โปรเจคเสวนา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศไทย)
Focus on the Global South (Thailand) โฟกัสออนเดอะโกลบอลเซ้าท์ (ประเทศไทย)
Alianza Biodiversidad – Latin America
Indigenous Environmental Network (USA)….
เอกสารสำหรับอ่านเพิ่มเติม:
• Tropical Forests Forever Facility: A new trap for peoples and forests in the Global South.
• Spoils of a Continuing Colonialism: The Tropical Forest Forever Facility